ตู้เซฟมีระบบการล็อกอยู่ 2 แบบ คือ ระบบล็อกกุญแจ และระบบล็อกดิจิตอล
- ระบบล็อกด้วยกุญแจ เป็นวิธีเริ่มแรกที่เรียบง่าย ราคาถูก ไม่ต้องมีการจดจำรหัส ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ ขอเค่มีกุญแจก็สามารถเปิดตู้เซฟได้ทันที และยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะนอกจากความคลาสสิคแล้ว ยังมีอัตราความล้มเหลวต่ำมาก สามารถรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินได้เป็นอย่างดี
- ระบบล็อกดิจิตอล จะใช้แบตเตอรี่ในการให้พลังงานตู้เซฟในการล็อกและปลดล็อก การปลดล็อกนั้นจะต้องใส่รหัสตัวเลขที่ตั้งไว้ลงไป โดยสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการใช้งานที่ง่าย เปิด-ปิดตู้ได้รวดเร็วทันใจ
ระบบล็อกแบบกุญแจ
ข้อดี
– ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ เนื่องด้วยการออกแบบ
ทางกลไก ทำให้ตู้เซฟประเภทนี้ค่อนข้างทนทาน
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชำรุด อีกทั้งตัวลูกบิดรหัสก็
มีโอกาสเสียหรือรวนน้อยมาก
ระบบล็อกแบบดิจิตอล
ข้อดี
– ผู้ใช้สามารถรีเซ็ตระบบด้วยตนเองได้ตลอดเวลา
รองรับรหัสได้หลายชุด ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชั่น
ป้องกันการเดาสุ่มรหัส (หากมีการใส่รหัสผิดเกิน 3
ครั้ง ตู้เซฟจะส่งสัญญาณเตือนหรือตัดการทำงาน
ของตัวเอง) เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักธุรกิจ
และผู้ให้บริการต่างๆ
ข้อเสีย
– ใช้เวลานานในการเปิดตู้เซฟ และต้องอาศัยการ
ฝึกฝนในการใช้ลูกบิด
– ไม่เหมาะกับการเก็บของที่ต้องมีการหยิบเข้า –
ออกบ่อยๆ
– เจ้าของตู้เซฟยังไม่สามารถเปลี่ยนรหัสได้ด้วยตัว
เองต้องใช้ช่างเทคนิคเฉพาะทางหรือช่างกุญแจ
เท่านั้น
ข้อเสีย
– ระบบดิจิตอลมีอัตราความล้มเหลวอยู่ที่ 3%
– มีราคาที่แพงกว่าตู้เซฟแบบหมุนรหัส
– ต้องเตรียมแบตเตอรี่สำรองให้พร้อมอยู่เสมอ